สนามบาสเกตบอล

1. สนามบาสเกตบอล คือ

2. พื้นสนามบาสเกตบอล 

3. ประเภของสนามบาสเกตบอล 

4.ขนาดของพื้นสนามบาสเกตบอล 

5.คุณสมบัติของพื้นสนามบาสเกตบอล 

6.สีพื้นสนามบาสเกตบอล 

7.การเลือกใช้สีพื้นทาสนามบาสเกตบอล ควรคำนึงถึงอะไรบ้าง

8.สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล มีกี่ประเภท

9.สีทาพื้นสนามบาสเกตบอลแบบ PU(polyurethane)

10. สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล แบบอะคริลิค (Acrylic)

11. การดูแลรักษาพื้นสนามบาสเกตบอล

1. สนามบาสเกตบอล คือ

          “สนามบาสเกตบอล” หรือ “Basketball Court” เป็นพื้นที่ที่ใช้สำหรับการเล่นกีฬาบาสเกตบอล  ซึ่งมักจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยมีขนาดและระยะทางที่ต่างกันไปตามมาตรฐานของการแข่งขันและการออกแบบที่ต่างกัน

          สนามบาสเกตบอลจะมีเส้นรอบสนามและเส้นกึ่งกลางที่ช่วยกำหนดพื้นที่ในการแข่งขัน รวมถึงประตูบาสเกตบอลและเส้นที่ใช้สำหรับการฝ่ายเบาะแส๊ะ (free-throw line)

2. พื้นสนามบาสเกตบอล 

          พื้นสนามบาสเกตบอล มักจะทำจากวัสดุที่มีความยืดหยุ่นและความทนทาน เช่น พื้นยาง, ไม้, หรือคอนกรีต โดยส่วนใหญ่จะพื้นสนามบาสเกตบอล จะใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติที่สามารถรับน้ำหนักของผู้เล่นและการกระแทกของลูกบาสเกตบอลได้ดี เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของนักกีฬา รวมทั้งลดการลื่นไถลขณะการเล่น 

        พื้นสนามบาสเกตบอลควรมีความราบและเรียบในระดับที่เหมาะสมสำหรับการเล่นกีฬาอย่างมีประสิทธิภาพ แต่อาจมีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มความนุ่มนวลและความสบายในการใช้งานเพิ่มเติมตามความต้องการและการพัฒนาของเทคโนโลยีในอนาคต

3. ประเภทของพื้นสนามบาสเกตบอล 

พื้นสนามบาสเกตบอลสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามวัสดุที่ใช้ในการสร้างและคุณสมบัติต่าง ๆ ดังนี้:

1.พื้นสนามยาง (Rubber Court): พื้นสนามบาสเกตบอล ที่มีพื้นที่ปูพื้นด้วยซานโตรเนอร์หรือวัสดุยางอื่น ๆ ที่มีความยืดหยุ่นและความทนทานต่อการใช้งานอย่างดี

2.พื้นสนามไม้ (Wood Court): พื้นสนามบาสเกตบอล ที่มีพื้นที่ปูพื้นด้วยไม้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการเล่นกีฬาบาสเกตบอล เช่น ไม้แสนตาล, ไม้บอลเซ่, หรือไม้เฟิร์น

3.พื้นสนามคอนกรีต (Concrete Court): พื้นสนามบาสเกตบอล ที่มีพื้นที่ปูพื้นด้วยคอนกรีต มักใช้ในสนามกลางชุมชนหรือสนามที่ไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ คอนกรีตมักจะมีความทนทานและความเรียบร้อย แต่อาจไม่เหมาะสมสำหรับการเล่นบาสเกตบอลในระยะยาวเนื่องจากความแข็ง

4.พื้นสนามสังกะสี (Asphalt Court): พื้นสนามบาสเกตบอล ที่มีพื้นที่ปูพื้นด้วยการสังกะสี มักใช้ในสนามกลางชุมชนหรือสนามที่ไม่ได้ใช้งานเป็นประจำเช่นกัน แต่อาจมีความแข็งหรือไม่สวยงามเมื่อเทียบกับสนามอื่น ๆ

 

4. ขนาดพื้นสนามบาสเกตบอล 

          พื้นสนามบาสเกตบอลสามารถแบ่งออกเป็นหลายขนาด พื้นสนามบาสเกตบอลขนาดที่พบบ่อยและได้รับการยอมรับมากที่สุดคือ:

1. พื้นสนามบาสเกตบอล – มาตรฐาน FIBA (สหพันธ์บาสเกตบอลระหว่างชาติ):

  • ความยาว: 28 เมตร
  • ความกว้าง: 15 เมตร

2. พื้นสนามบาสเกตบอล – NBA (National Basketball Association):

  • ความยาว: 94 ฟุต (28.65 เมตร)
  • ความกว้าง: 50 ฟุต (15.24 เมตร)

3. พื้นสนามบาสเกตบอล – NCAA (National Collegiate Athletic Association):

  • ความยาว: 94 ฟุต (28.65 เมตร)
  • ความกว้าง: 50 ฟุต (15.24 เมตร)

4. พื้นสนามบาสเกตบอล – สนามบาสเกตบอลขนาดเล็ก (Mini Basketball Court):

  • ขนาดเล็กกว่ามาตรฐาน FIBA และ NBA/NCAA
  • ขนาดและมิติอาจแตกต่างไปตามการใช้งานและความต้องการของผู้ใช้งานในท้องถิ่น

 

 

5.คุณสมบัติของพื้นสนามบาสเกตบอล  

พื้นสนามบาสเกตบอลเป็นส่วนสำคัญของการแข่งขันและมีผลมากต่อประสิทธิภาพและประสบการณ์การเล่น

ดังนั้น คุณสมบัติที่ควรมีของพื้นสนามบาสเกตบอลคือ:

1.ความเรียบเนียนและแนวตรง: พื้นสนามบาสเกตบอล ควรมีพื้นผิวที่เรียบเนียนและแนวตรงเพื่อให้ลูกบาสเกตมุ่งเข้าหาประตูได้อย่างสม่ำเสมอ

2. ความยืดหยุ่น: พื้นสนามบาสเกตบอล ควรมีความยืดหยุ่นเพียงพอเพื่อลดอาการบาดเจ็บของผู้เล่นในระหว่างการเคลื่อนไหว

3. ความเสถียร: พื้นสนามบาสเกตบอล ควรมีความเสถียรเพียงพอที่จะรองรับการเคลื่อนไหวของผู้เล่นโดยไม่เกิดการเสียดทานหรือการลื่นไถล

4. ความทนทาน: พื้นสนามบาสเกตบอล ควรสามารถทนทานต่อการใช้งานอย่างสม่ำเสมอโดยไม่เสียสมบัติ

5. ความเหมาะสมของแสง: พื้นสนามบาสเกตบอล ระบบแสงสว่างควรถูกออกแบบให้เหมาะสมเพื่อให้มีแสงที่เพียงพอสำหรับการเล่นในที่ที่มืดหรือในเวลากลางคืน

6. การระงับเสียง: พื้นสนามบาสเกตบอล ควรมีการออกแบบเพื่อลดเสียงรบกวนจากเสียงการเคลื่อนไหวของผู้เล่นและลูกบาสเกต

7. ระบบระบายน้ำ: ในกรณีที่มีฝนตกหรือน้ำท่วม พื้นสนามบาสเกตบอล ควรมีระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพเพื่อรักษาสภาพพื้นสนามให้แห้งและใช้งานได้ในเวลาที่สั้น

8. การอบรมและการดูแลรักษา: พื้นสนามบาสเกตบอล ควรมีการอบรมและการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาสภาพพื้นสนามให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับผู้เล่น

6.สีพื้นสนามบาสเกตบอล 

การเลือกใช้สีของพื้นสนามบาสเกตบอลมักจะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความสามารถในการมองเห็นของผู้เล่น โดยสีที่มักจะเลือกใช้มีดังนี้:

1.สีพื้นสนามบาสเกตบอล – สีน้ำเงินเข้ม (Dark Blue):สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล สีน้ำเงินเข้มเป็นสีที่ได้รับความนิยมในการใช้ในสีพื้นทาสนามบาสเกตบอล เนื่องจากมันมีความคมชัดและช่วยให้ลูกบาสเกตบอลและผู้เล่นมีการแยกแยะที่ดีขึ้นบนพื้นสนาม

2.สีพื้นสนามบาสเกตบอล – สีเขียวเข้ม (Dark Green):สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล สีเขียวเข้มเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน เนื่องจากมีความเข้มข้นที่เพียงพอที่จะช่วยให้ลูกบาสเกตบอลและผู้เล่นมีการแยกแยะที่ดีบนพื้นสนาม นอกจากนี้ สีเขียวยังมีผลกระทบที่ดีต่อสายตาและสมรรถภาพขณะการเล่นกีฬา

3.สีพื้นสนามบาสเกตบอล – สีเทา (Gray): สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล สีเทาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการใช้ในสนามบาสเกตบอลด้วย เนื่องจากมันเป็นสีที่เนียบและเป็นสีที่สมบูรณ์กับสิ่งแวดล้อม และมีความเป็นเสถียร

4.สีพื้นสนามบาสเกตบอล – สีดำ (Black): สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล สีดำอาจเป็นตัวเลือกสำหรับพื้นสนามบาสเกตบอลในบางกรณี แต่ควรใช้ร่วมกับสีอื่นเพื่อให้มีการแยกแยะที่ชัดเจนระหว่างเส้นขอบและพื้นสนาม

7.การเลือกใช้สีพื้นทาสนามบาสเกตบอล ควรคำนึงถึงอะไรบ้าง

1.การมองเห็นของผู้เล่น: สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล ที่เลือกควรสร้างความชัดเจนและมองเห็นได้ง่ายสำหรับผู้เล่นทั้งหมดในสนาม การเลือกสีทาพื้นสนามบาสเกตบอล ที่เข้มหรือเนื้อสีที่ไม่ชัดเจนอาจทำให้ลูกบาสเกตบอลหรือผู้เล่นที่อยู่บนสนามมีการสับสนหรือไม่สามารถมองเห็นอย่างชัดเจนได้

2.การสื่อสารและความเข้าใจ:สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล ควรสอดคล้องกับสีของเส้นขอบสนามและสัญลักษณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เล่นและผู้ตัดสินเข้าใจและปฏิบัติตามกฎระเบียบขณะเล่น

3.การมีสมรรถนะ: สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล ที่เลือกควรมีความทนทานต่อการใช้งานและการทำความสะอาด โดยเฉพาะเมื่อต้องสามารถทนต่อการเข้าถึงของคนเดินเข้าออกบ่อยครั้ง

4.สมบูรณ์กับสิ่งแวดล้อม: การเลือกใช้สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล ที่เข้ากันได้กับสภาพแวดล้อมของสนามและสถานที่รอบข้าง เช่น การใช้สีที่เข้มสนิทอาจช่วยให้สนามดูสะอาดและเป็นระเบียบมากขึ้นในสถานที่ที่มีความเป็นรูปธรรม

5.ความเป็นระเบียบและการแยกแยะ: การเลือกสีทาพื้นสนามบาสเกตบอล ที่ชัดเจนและแยกแยะช่วยให้ผู้เล่นและผู้ตัดสินมีความเข้าใจและปฏิบัติตามกฎระเบียบได้สะดวกขึ้น

1.การมองเห็นของผู้เล่น: สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล ที่เลือกควรสร้างความชัดเจนและมองเห็นได้ง่ายสำหรับผู้เล่นทั้งหมดในสนาม การเลือกสีทาพื้นสนามบาสเกตบอล ที่เข้มหรือเนื้อสีที่ไม่ชัดเจนอาจทำให้ลูกบาสเกตบอลหรือผู้เล่นที่อยู่บนสนามมีการสับสนหรือไม่สามารถมองเห็นอย่างชัดเจนได้

2.การสื่อสารและความเข้าใจ:สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล ควรสอดคล้องกับสีของเส้นขอบสนามและสัญลักษณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เล่นและผู้ตัดสินเข้าใจและปฏิบัติตามกฎระเบียบขณะเล่น

3.การมีสมรรถนะ: สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล ที่เลือกควรมีความทนทานต่อการใช้งานและการทำความสะอาด โดยเฉพาะเมื่อต้องสามารถทนต่อการเข้าถึงของคนเดินเข้าออกบ่อยครั้ง

4.สมบูรณ์กับสิ่งแวดล้อม: การเลือกใช้สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล ที่เข้ากันได้กับสภาพแวดล้อมของสนามและสถานที่รอบข้าง เช่น การใช้สีที่เข้มสนิทอาจช่วยให้สนามดูสะอาดและเป็นระเบียบมากขึ้นในสถานที่ที่มีความเป็นรูปธรรม

5.ความเป็นระเบียบและการแยกแยะ: การเลือกสีทาพื้นสนามบาสเกตบอล ที่ชัดเจนและแยกแยะช่วยให้ผู้เล่นและผู้ตัดสินมีความเข้าใจและปฏิบัติตามกฎระเบียบได้สะดวกขึ้น

8.สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล มีกี่ประเภท

การทาพื้นสนามบาสเกตบอลมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้และวัตถุดิบที่ใส่ในสี อย่างไรก็ตาม สีทาพื้นสนามบาสเกตบอลสามารถแบ่งออกเป็นสามประเภทหลักได้แก่:

1.สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล – สีอะคริลิค (Acrylic): สีอะคริลิคมักเป็นที่นิยมสำหรับการทาพื้นสนามบาสเกตบอลเนื่องจากมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการใช้ในสนามกีฬา มันแห้งเร็วและมีความทนทานต่อสภาพอากาศและการใช้งาน

2.สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล – PU (Polyurethane):สี PU มีความสามารถในการต้านทานต่อสภาพอากาศและการใช้งานอย่างดี ทำให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับสนามบาสเกตบอลในทุกสภาพแวดล้อมและการใช้งานที่หลากหลาย มีความทนทานและความยืดหยุ่นที่ดี 

9.สีทาพื้นสนามบาสเกตบอลแบบ PU(polyurethane)

สีทาพื้นสนามบาสเกตบอลที่ใช้ PU (Polyurethane) เป็นวัสดุหลักมักเป็นแบบพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานใน สนามบาสเกตบอล สีที่ใช้ PU มักจะมีลักษณะดังนี้:

  • ข้อดี – สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล PU (Polyurethane) 

1.ความทนทาน: สี PU มีความทนทานต่อการใช้งานและการสูญเสียจากอุปสรรคต่าง ๆ เช่น การใช้งานประจำ การเข้าถึงบ่อยครั้ง และสภาพอากาศ

2.ความยืดหยุ่น: สี PU มีความยืดหยุ่นที่ดีทำให้มันสามารถทนต่อการหดหรือขยายได้โดยไม่แตกต่างมาก

3.ความสวยงาม: สี PU มักมีลักษณะที่สวยงามและมองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการแสดงและการใช้งานในสนามกีฬา

4.ความสะอาด: สี PU มักออกแบบให้ง่ายต่อการทำความสะอาดและดูแลรักษา เพื่อรักษาการเป็นสีสวยงามและคุณภาพของพื้นสนาม

5.ความปลอดภัย: สี PU มักมีคุณสมบัติที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและนักกีฬา ไม่มีสารพิษหรือสารอันตรายที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ

  • ข้อเสีย – สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล PU (Polyurethane) 

1.ราคาสูง: สีทาพื้น PU มักมีราคาที่สูงกว่าสีทาอื่น ๆ ที่ใช้สำหรับพื้นสนามบาสเกตบอล ซึ่งอาจทำให้มีความยากลำบากในการติดตั้งหรือบำรุงรักษาสนาม

2.การติดตั้งที่ซับซ้อน: การทาพื้นสนามบาสเกตบอล ด้วยสี PU อาจต้องใช้กระบวนการการติดตั้งที่ซับซ้อนและมีความยุ่งยากมากขึ้น โดยเฉพาะในสนามบาสเกตบอลที่มีขนาดใหญ่หรือมีรูปร่างที่ซับซ้อน

3.การแห้งของสี: PU อาจใช้เวลาในการแห้งนานกว่าสีอื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้มีเวลาหยุดการใช้งานสนามบาสเกตบอล นานขึ้น

4.ความละเอียดในการปรับแต่ง: สี PU มักจะมีความละเอียดในการปรับแต่งที่จำกัดมากกว่าสีอื่น ๆ เนื่องจากมีการผลิตแบบกลุ่มที่สูงขึ้นและมักมีการผลิตในล็อตที่ใหญ่

5.การเสื่อมสภาพ: สี PU อาจมีความชำรุดหรือเสื่อมสภาพเมื่อเผชิญกับสภาพอากาศหรือการใช้งานในระยะยาว ซึ่งอาจต้องมีการบำรุงรักษาและซ่อมแซมเพื่อรักษาคุณภาพของพื้นสนามบาสเกตบอล ไว้ให้ได้ใช้งานอย่างยาวนาน

6.การเกิดรอยขีดข่วน: สี PU มักมีความรุนแรงในการเกิดรอยขีดข่วนหรือรอยถลอกได้ง่าย เฉพาะในเหตุการณ์ที่มีการใช้งานหนักหรือการใช้งานอย่างไม่ถูกต้อง

10. สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล แบบอะคริลิค (Acrylic)

การใช้สีอะคริลิคในการทาพื้นสนามบาสเกตบอลเป็นที่นิยมเนื่องจากมีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในสนามกีฬา สีอะคริลิคมักมีลักษณะดังนี้:

  • ข้อดี – สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล Acrylic

1.ความทนทาน: สี Acrylic มีความทนทานต่อการใช้งานและสภาพอากาศต่าง ๆ อย่างดี เช่น แดด ฝน ความชื้น และอุณหภูมิสูงต่ำ

2.ความยืดหยุ่น: สี Acrylic มีทำให้พื้นสนามบาสเกตบอลแห้งเร็ว และสามารถใช้งานพื้นสนามบาสเกตบอลได้ในระยะเวลาเร็ว และไม่ต้องรอนาน

3.ความสวยงาม: สี Acrylic สามารถในการสร้างสีสันที่สวยงามและมองเห็นได้ชัดเจน ทำให้พื้นสนามบาสเกตบอลมีลุคที่ดูดีและมีความน่าสนใจ

4.ความสามารถในการปรับแต่ง: สี Acrylic มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งสี ซึ่งช่วยให้พื้นสนามบาสเกตบอล มีลวดลายหรือการทาสีที่ทันสมัยได้ตามต้องการ

5.การดูแลรักษาง่าย: สี Acrylic มักมีคุณสมบัติที่ทนทานต่อการทำความสะอาด และไม่ต้องการการดูแลเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทำให้การดูแลรักษาพื้นสนามบาสเกตบอล เป็นเรื่องที่ง่ายดาย

  • ข้อเสีย – สีทาพื้นสนามบาสเกตบอล Acrylic

1.ความละเอียดในการปรับแต่ง: สีทาพื้น Acrylic อาจมีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งสีที่น้อยกว่าสีอื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้จำกัดความสามารถในการสร้างลวดลายหรือการทาสีที่ทันสมัย

2.ความแข็งแรง: สีทาพื้น Acrylic อาจมีความแข็งแรงต่ำกว่าสีที่ทำจากวัสดุอื่น เช่น สี PU หรืออาจเสื่อมสภาพได้เร็วกว่า

3.การแห้ง: สีทาพื้น Acrylic อาจใช้เวลาในการแห้งนานกว่าสีอื่น ๆ ทำให้มีเวลาหยุดการใช้งานสนามนานขึ้น

4.การเสื่อมสภาพ: สีทาพื้น Acrylic อาจมีความเสียหายหรือเสื่อมสภาพเมื่อเผชิญกับสภาพอากาศหรือการใช้งานในระยะยาว ซึ่งอาจต้องมีการบำรุงรักษาและซ่อมแซมเพื่อรักษาคุณภาพของพื้นสนามไว้ให้ได้ใช้งานอย่างยาวนาน

5.การติดตั้งพื้นสนามบาสเกตบอล: การทาสี Acrylic อาจต้องใช้กระบวนการการติดตั้งพื้นสนามบาสเกตบอล ที่ซับซ้อนและมีความยุ่งยากมากขึ้น โดยเฉพาะในสนามพื้นสนามบาสเกตบอล ที่มีขนาดใหญ่หรือมีรูปร่างที่ซับซ้อน

6.การเลือกของสี: สีทาพื้น Acrylic อาจมีราคาที่สูงกว่าสีทาพื้นอื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้มีความยากลำบากในการเลือกหรือการปรับใช้งาน

11. การดูแลรักษาพื้นสนามบาสเกตบอล

การดูแลรักษาพื้นสนามบาสเกตบอลเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาความทนทานและความสวยงามของพื้นสนามบาสเกตบอล ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

1.ทำความสะอาดประจำ: ควรทำความสะอาดพื้นสนามบาสเกตบอลอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้เครื่องทำความสะอาด เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก ฝุ่น และสิ่งสกปรกอื่น ๆ ที่สามารถทำให้พื้นสนามบาสเกตบอล เปื้อนได้

2.ซ่อมแซมและบำรุงรักษา: ในกรณีที่พบบางส่วนของพื้นสนามบาสเกตบอลมีการชำรุด ควรทำการซ่อมแซม เพื่อรักษาความทนทานของพื้นสนามบาสเกตบอล

3.ตรวจสอบระบบระบายน้ำ: ควรตรวจสอบและทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบระบายน้ำของสนามบาสเกตบอลอย่างสม่ำเสมอ และดำเนินการซ่อมแซมหรือปรับปรุงตามความจำเป็น

4.การรักษาความสวยงาม: ควรรักษาความสวยงามของพื้นสนามบาสเกตบอล โดยการทาสีที่เหมาะสมและการดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเปื้อนพื้นสนามบาสเกตบอล และจะทำความสะอาดได้ยาก

5.การป้องกันอุบัติเหตุ: ควรตรวจสอบและรักษาความปลอดภัยของพื้นสนามบาสเกตบอลอย่างสม่ำเสมอ เช่น การตรวจสอบสภาพผิวทางเดินและการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันอย่างเหมาะสม